tag:blogger.com,1999:blog-5045472583116612552024-03-13T09:22:38.452-07:00การวัดผลประเมินผลการศึกษา...เพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.comBlogger14125tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-66002678745405421992009-07-28T00:48:00.000-07:002010-06-13T07:59:51.965-07:00ทักทายกัน<span style="color:#ff0000;"></span><br /><br /><div>สวัสดีค่ะ ครูดีใจมากที่นิสิตเข้ามาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในบล็อกความรู้นี้ เราเกิดมาในโลกยุคข้อมูลข่าวสาร ที่สามารถค้นหาความรู้ได้ตลอดเวลาอย่างไร้พรมแดน ถ้ามัวแต่รอคอยรับฟังความรู้จากครูในห้องเรียนอย่างเดียว จะกลายเป็นเต่าที่ก้าวตามคนอื่นไม่ทัน ต้องยืนอยู่แถวหลังๆ หมดโอกาสที่จะได้รับสิ่งดี ๆ คนยุคใหม่ที่ต้องการประสบผลสำเร็จต้องหมั่นใฝ่หาความรู้ให้ทันต่อวิทยาการ เพื่อจะได้นำไปใช้พัฒนาตนเองให้สามารถก้าวไปยืนแถวหน้า มีโอกาสที่จะได้รับสิ่งดี ๆ ก่อนคนอื่น เช่น มีโอกาสได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาที่มีชื่อเสียง มีโอกาสได้รับการคัดเลือกเข้าทำงานในหน่วยงานที่มั่นคง มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานสูงขึ้น<br /><blockquote><br /><p>ครูดีใจที่นิสิตเข้ามาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในบล็อกความรู้ที่ครูสร้างขึ้น เพราะแสดงให้เห็นว่าลูกศิษย์ของครูพร้อมที่จะก้าวไปยืนแถวหน้า ครูขอให้นิสิตประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งใจ และมีอนาคตเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป</p><blockquote></blockquote><blockquote></blockquote><p>และครูจะดีใจยิ่งขึ้นถ้านิสิตแสดงร่องรอยของการเข้ามาค้นคว้าเพิ่มเติม โดยร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความรู้ในบล็อกแห่งนี้ หรือแนะนำเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์กับผู้อื่นต่อไป</p><p>อ.เพชร</p><br /><p></p></blockquote></div>เพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com105tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-78048031818342278032009-07-24T08:20:00.000-07:002009-07-25T05:55:55.063-07:0013. แบบทดสอบมีกี่ประเภท ?แบบทดสอบแบ่งตามลักษณะการเขียนตอบ ได้หลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติในการวัดแตกต่งกัน ดังนี้<br /><br /><ol><li><span style="font-size:130%;"><strong>แบบทดสอบแบบถูก-ผิด (True-false test) </strong></span>เป็นแบบทดสอบที่กำหนดข้อความให้นักเรียนพิจารณาว่า ถูก หรือ ผิด จริง หรือ เท็จ ใช่ หรือ ไม่ใช่ อาจให้เขียนเครื่องหมาย / หรือ X หรืออาจให้ตอบ โดยใช้อักษรย่อ ถ - ผ หรือ T - F ก็ได้ มี<span style="color:#000099;">ข้อดี</span> คือ สร้างง่ายและรวดเร็ว เขียนคำถามได้คลอบคลุมเนื้อหา ใช้วัดความจำได้ดี ตรวจง่ายและรวดเร็ว มีความเป็นปรนัยในการตรวจ แต่มี<span style="color:#ff0000;">ข้อเสีย</span> คือ วัดพฤติกรรมพุทธิพิสัยขั้นนสูงไม่ได้ เดาถูกได้มากกว่าข้อสอบแบบอื่นๆ ไม่สามารถใช้วินิจฉัยข้อบกพร่องทางการเรียนได้ </li><li><span style="font-size:130%;"><strong>แบบทดสอบแบบจับคู่ (Matching test)</strong></span> เป็นแบบทดสอบที่ประกอบด้วย 2 คอลัมน์ ในแต่ละคอลัมน์จะประกอบด้วย คำ ข้อความ ประโยค หรือวลีที่มีความสัมพันธ์กัน วิธีการตอบจะให้ผู้สอบจับคู่ระหว่าง 2 คอลัมน์ให้สัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง มี<span style="color:#000099;">ข้อดี</span> คือ ใช้วัดความจำเกี่ยวกับข้อเท็จจริงระหว่างสิ่งที่มีความสัมพันธ์กันได้ดี สร้างง่าย ตรวจง่ายและรวดเร็ว เดาคำตอบได้น้อยกว่าข้อสอบแบบถูกผิด การให้คะแนนเป็นปรนัย ส่วน<span style="color:#ff0000;">ข้อเสีย</span> คือ วัดพฤติกรรมสูงกว่าความจำได้ยาก นักเรียนอาจเดาข้อหลังได้เนื่องจากเหลือตัวเลือกให้เลือกน้อยลง ถ้าคำชี้แจงไม่ชัดเจนอาจทำให้นักเรียนไม่เข้าใจวิธีการตอบ </li><li><span style="font-size:130%;"><strong>แบบทดสอบแบบ เติมคำ (Completion test)</strong> </span>เป็นแบบทดสอบที่มีลักษณะเป็นโจทย์ข้อความที่ถามให้นักเรียนเขียนคำตอบตอบโดยใช้คำ หรือประโยคสั้น ๆ เติมลงในช่องว่าง มี<span style="color:#000099;">ข้อดี</span> คือ สร้างง่ายและรวดเร็ว เขียนคำถามให้คลอบคลุมเนื้อหาได้ ใช้วัดความจำได้ดี เดาคำตอบได้ถูกยากกว่าข้อสอบปรนัยอื่นๆ แต่มี<span style="color:#ff0000;">ข้อเสีย</span> คือ วัดพฤติกรรมสูงกว่าความจำไม่ได้ ตรวจยาก</li><li><span style="font-size:130%;"><strong>แบบสอบแบบปรนัยเลือกตอบ (Multiple Choices test)</strong></span> เป็นแบบทดสอบที่ประกอบด้วย 2 ส่วน คือส่วนคำถามและ ส่วนของตัวเลือก ซึ่งประกอบด้วยตัวเลือกถูก กับตัวลวง ปกติจะมีประมาณ 3 – 5 ตัวเลือก มี<span style="color:#000099;">ข้อดี</span> คือ วัดพฤติกรรมพุทธิพิสัยได้ครบทั้ง 6 ขั้น ตรวจง่าย เขียนข้อสอบได้คลุมเนื้อหา แต่มี<span style="color:#ff0000;">ข้อเสีย</span> คือ สร้างยากโดยเฉพาะคำถามที่วัดพฤติกรรมขั้นสูง ใช้เวลาในการเขียนข้อสอบนาน วัดการแสดงวิธีทำ ทักษะการเขียน การวิพากษ์วิจารณ์ การอภิปรายแสดงความคิดเห็นไม่ได้</li><li><span style="font-size:130%;"><span style="font-size:100%;"><strong><span style="font-size:130%;">แบบทดสอบแบบเขียนตอบ (Essay Test)</span> </strong></span></span><span style="font-size:100%;">เป็นแบบทดสอบที่ให้นักเรียนเขียนบรรยายคำตอบลงในกระดาษคำตอบ มี<span style="color:#ff0000;">ข้อดี</span> คือ เดาไม่ได้ วัดการแสดงวิธีทำ ทักษะการเขียน การวิพากษ์วิจารณ์ การอภิปรายแสดงความคิดเห็น การแสดงเหตุผล การวิพากษ์วิจารณ์ ได้ดี แต่<span style="color:#000099;">ข้อเสีย</span> คือ ตรวจยากมาก ใช้เวลาในการตรวจนาน ไม่สามารถออกข้อสอบหลายข้อได้<br /><br />แบบทดสอบในข้อ 1 - 4 คือแบบถูกผิด จับคู่ เติมคำ เลือกตอบ มีลักษณะคำถามที่มุ่งให้นักเรียนเขียนตอบสั้น ๆ หรือตอบโดยใช้สัญลักษณ์ เช่น กากบาท โยงเส้น หรือวงกลม เรียกว่าแบบทดสอบปรนัย (objective test) ส่วนแบบทดสอบในข้อ 5 เป็นแบบทดสอบที่มุงให้นักเรียนเขียนตอบหลาย ๆ บรรทัด บางครั้งเรียกว่าแบบทดสอบอัตนัย (subjective test) </span></li></ol>เพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com6tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-53139439341485808332009-07-24T06:55:00.000-07:002010-07-17T07:01:50.078-07:0012.เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลการศึกษามีอะไรบ้าง?เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลการศึกษามีหลายชนิด แต่ละชนิดเหมาะสมกับการวัดพฤติกรรมทางการศึกษาที่แตกต่างกัน ดังนี้<br /><ol><li><strong><span style="font-size:130%;">การทดสอบ(Testing)</span></strong>หมายถึง กระบวนการในการนำชุดของสิ่งเร้าไปกระตุ้นให้นักเรียนแสดงพฤติกรรมที่ต้องการวัดออกมาให้ครูสังเกตได้และวัดได้ โดยทั่วไปครูใช้การทดสอบเพื่อวัดพฤติกรรม<a title="พฤติกรรมพุทธิพิสัย" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_2/CHAPTER2_2_0.ppt" target="_parent"><strong><span style="color:#ff0000;">พุทธิพิสัย</span></strong></a> ของนักเรียน อันประกอบไปด้วยความรู้ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า โดยมีแบบทดสอบ(test) เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นให้นักเรียนแสดงพฤติกรรมดังกล่าวออกมา</li><li><strong><span style="font-size:130%;">การสังเกต (Observation)</span></strong> หมายถึง การเฝ้าดูพฤติกรรมที่ต้องการสังเกตอย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยอาศัยประสาทสัมผัสแล้วจดบันทึกสิ่งที่สังเกตได้ไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการลงสรุปสิ่งที่ทำการสังเกตได้ เครื่องมือที่ใช้จดบันทึกผลการสังเกต เช่น แบบสำรวจรายการ มาตรประมาณค่า หรือแบบบันทึก ครูใช้การสังเกตในการวัดพฤติกรรม<a onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_3/CHAPTER2_3_3.PPT#-1,1,Slide" target="_parent"><strong><span style="color:#ff0000;">จิตพิสัย</span></strong> </a>และ<a onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_3/CHAPTER2_3_3.PPT#-1,2,Slide" target="_parent"><strong><span style="color:#ff0000;">ทักษะพิสัย</span></strong></a> ของนักเรียน</li><li><strong><span style="font-size:130%;"><a href="http://petcharawadee4.blogspot.com/">แบบสำรวจรายการ (Checklist)</a></span></strong> เป็นเครื่องมือวัดที่มีลักษณะเป็นชุดรายการที่ต้องการตรวจสอบ ซึ่งต้องการคำตอบเพียง 2 กรณี คือ ตอบรับกับตอบปฏิเสธ เช่นนักเรียนปกิบัติได้ หรือปฏิบัติไม่ได้ , นักเรียนมีพฤติกรรม หรือไม่มีพฤติกรรม นิยมใช้ประกอบการสังเกตว่าน.ร.มีพฤติกรรม<a onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_4/CHAPTER2_4_1.PPT" target="_parent"><strong><span style="color:#ff0000;">จิตพิสัย</span></strong></a><a onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_4/CHAPTER2_4_1.PPT" target="_parent"><span style="color:#ff0000;"> </span></a>หรือ<a onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_4/CHAPTER2_4_2.PPT" target="_parent"><strong><span style="color:#ff0000;">ทักษะพิสัย</span></strong></a> ที่ครูต้องการตรวจสอบหรือไม่ </li><li><strong><span style="font-size:130%;">มาตรประมาณค่า (Rating Scale)</span></strong> เป็นเครื่องมือวัดมีลักษณะเป็นชุดรายการที่ต้องการตรวจสอบ เหมือนกับแบบสำรวจรายการต่างกันตรงที่สามารถบอกระดับคุณภาพหรือระดับปริมาณว่ามีมากน้อยเพียงใด เช่น นักเรียนปฏิบัติได้ดี ปฏิบัติได้พอใช้ หรือปฏิบัติไม่ได้ นิยมใช้ประกอบการสังเกตพฤติกรรม <a onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_5/CHAPTER2_5_1.PPT" target="_parent"><strong><span style="color:#ff0000;">จิตพิสัย</span></strong></a> หรือ <a onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_5/CHAPTER2_5_2.PPT" target="_parent"><strong><span style="color:#ff0000;">ทักษะพิสัย</span></strong></a> ที่ต้องการทราบระดับคุณภาพ</li><li><strong><span style="font-size:130%;">การจดบันทึก (Records)</span></strong> เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจดบันทึกพฤติกรรมหรือเหตุการณ์จากที่สังเกตได้ โดยการเขียนข้อความเกี่ยวกับ สิ่งที่สังเกตได้ลงในสมุดบันทึกอย่างเป็นระบบตามความเป็นจริง นิยมใช้เป็นเครื่องมือประกอบการสังเกตพฤติกรรม<a onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///F:/เพชราวดี/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน1_52/EDUC105ปบัณฑิต/EDUC105_บทที่2/p2_6/CHAPTER2_6_1.PPT" target="_parent"><strong><span style="color:#ff0000;">จิตพิสัย</span></strong></a></li><li><strong><span style="font-size:130%;">การสัมภาษณ์ (Interview)</span></strong> เป็นการพูดคุยกันอย่างมีจุดมุ่งหมายระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย คือ ผู้สัมภาษณ์กับผู้ถูกสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ ครูใช้การสัมภาษณ์นักเรียนเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ความคิดเห็น เจตคติ และ ความรู้สึก ของนักเรียน หรืออาจสัมภาษณ์ผู้ปกครองเพื่อเกี่บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวนักเรียน</li><li><strong><span style="font-size:130%;">แบบสอบถาม (Questionaire)</span></strong> เป็นชุดของคำถามที่ใช้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการทราบ โดยผู้ตอบจะต้องเขียนตอบลงในแบบสอบถามด้วยตัวเอง ครูใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูลลักษณะเดียวกับการสัมภาษณ์ เช่น ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น เจตคติ และ ความรู้สึก ของนักเรียน แต่จะใช้ได้ดีในกรณีที่นักเรียนอ่านออกเขียนได้ </li><li><strong><span style="font-size:130%;">สังคมมิติ (Sociometry)</span></strong> เป็นวิธีการวัดเพื่อศึกษาลักษณะความสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล ว่านักเรียนเป็นที่ยอมรับของสมาชิกในกลุ่มเพียงใด โดยให้นักเรียนตอบคำถามที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของสมาชิกในกลุ่ม เช่น ใครเป็นเพื่อนรักของนักเรียน ,นักเรียนชอบเล่นกับใครแล้วครูนำคำตอบของนักเรียนมาวิเคราะห์ เพื่อดูว่ามีนักเรียนคนใดบ้างที่เพื่อนไม่เลือก ซึ่งมีแนวโน้มเกี่ยวกับปัญหาด้านการปรับตัว</li></ol>เพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-34304471908678026012008-11-18T01:13:00.000-08:002008-11-18T01:19:31.391-08:0011.การวัดผลการศึกษามีประโยชน์ต่อใครบ้าง ?การวัดผลมีประโยชน์ต่อการศึกษามากมาย เพราะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องทราบข้อมูลต่าง ที่จะนำมาใช้ในการวางแผน พัฒนา และปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ทางการศึกษา ผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับประโยชน์จากการวัดผลการศึกษา มีดังนี้<br /><br /><span style="font-size:130%;color:#006600;"><strong>1.นักเรียนเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการวัดผลการศึกษาโดยตรง</strong></span> ดังนี้<br />1.1ช่วยให้นักเรียนรู้สถานภาพของตนเองว่ามีจุดเด่นอะไรที่ควรพัฒนา และมีจุดบกพร่องอะไรที่ควาปรับปรุงแก้ไข<br />1.2ช่วยเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกสาขาวิชาที่จะศึกษาต่อ และตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพให้เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน<br />1.3 ช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความกระตือรือล้นในการเรียน<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;color:#006600;">2. ครูได้รับประโยชน์จากการวัดผลการศึกษาเพื่อนำมาปรับปรุงผู้เรียนและปรับปรุงตนเอง</span></strong> ดังนี้<br />2.1 ช่วยให้ครูรู้สภาพของนักเรียนว่า นักรียนคนใดที่ควรพัฒนาส่งเสริม นักเรียนคนใดควรปรับปรุงแก้ไข<br />2.2 ช่วยให้ครูรู้ว่ากิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดขึ้นเหมาะสม หรือสมควรปรับปรุงแก้ไข<br />2.3 ช่วยให้ครูรู้ข้อมูลเพื่อนำไปใช้วางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;color:#006600;">3. ผู้ปกครอง ได้รับประโยชน์จากการวัดผลเกี่ยวกับตัวผู้เรียน</span></strong> ดังนี้<br />3.1 ช่วยให้ทราบศักยภาพของบุตรหลานว่าควรส่งเสริม พัฒนาหรือปรับปรุงแก้ไขเรื่องใด<br />3.2 ช่วยให้ทราบความสามารถบุตร หลาน เพื่อเป็นข้อมูลในการส่งเสริม สนับสนุน เกี่ยวกับการเลือกศึกษาต่อ หรือเลือกอาชีพ<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;color:#006600;">4. ผู้บริหารได้รับประโยชน์จากการวัดผลการศึกษา</span></strong> ดังนี้<br />4.1 ช่วยให้ทราบว่าการจัดการศึกษาของสถานศึกษามีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่<br />4.2 ช่วยให้ทราบข้อมูลผลการเรียนของนักเรียนเพื่อใช้ในการกำหนดนโยบาย การวางแผน การพัฒนา และปรับปรุงแก้ไขการเรียนการสอนของสถานศึกษา<br />4.3 ช่วยในการคัดเลือกนักเรียน คัดเลือกครู และคัดเลือกบุคลกรต่าง ๆ ที่จะเข้ามาเรียนและทำงานในสถานศึกษาเพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-39225722658376898392008-11-18T00:35:00.000-08:002008-11-18T01:12:01.642-08:0010.ครูต้องวัดผลพฤติกรรมทางการศึกษาของนักเรียนด้านใดบ้าง?หลักสูตรทุกรายวิชามุ่งให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมทางการศึกษา 3 ด้าน คือ พุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย ดังนั้นครูจะต้องจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมทั้ง 3 ด้าน พร้อมทั้งวัดผลว่านักเรียนเกิดพฤติกรรมทั้ง 3 ด้าน หรือไม่<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;color:#ff0000;">พฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย</span></strong> เป็นพฤติกรรมด้านสมองหรือด้านสติปัญญาของนักเรียน แบ่งออกเป็น 6 ระดับ จากความสามารถขั้นต่ำ ไปขั้นสูง ดังนี้<br /><strong>1.ความรู้ความจำ</strong> เป็นความสามารถในการระลึกได้ถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างถูกต้อง เช่น เพื่อให้นักเรียนสามารถบอกสูตรการหาพื้นที่สื่เหลี่ยมผืนผ้าได้ เพื่อให้นักเรียนสามารถบรรยายขั้นตอนการตอนกิ่งได้ เพื่อให้นักเรียนสามารถบ่งชี้โทษของบุหรี่ได้<br /><strong>2.ความเข้าใจ</strong> เป็นความสามารถในการขยายความรู้ความจำให้กว้างไกล ออกไปอย่างสมเหตุสมผล โดยการแปลความ ตีความ ขยายความ เช่น เพื่อให้นักเรียนสามารถแปลความบทร้อบกรองให้เป็นร้อยแก้วได้ เพื่อให้นักเรียนอ่านแผนผังที่กำหนดให้ได้ เพื่อให้นักเรียนคาดคะเนแนวโน้มของข้อมูลจากกราฟที่กำหนดให้ได้<br /><strong>3.การนำไปใช้</strong> เป็นความสามารถนำความรู้ความจำและความเข้าใจไปใช้ แก้ปัญหาในสถานการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ได้ เช่น เพื่อให้นักเรียนสามารถแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์เกี่ยวกับการคูณได้ เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้คำราชาศัพท์ได้เหมาะสมกับสถานการณ์<br /><strong>4.การวิเคราะห์</strong> ความสามารถในการแยกแยะสิ่งต่าง ๆ ออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อค้นหาความจริงหรือความสำคัญที่แฝงเร้นอยู่ในสิ่งนั้น เช่น เพื่อให้นักเรียนสามารถบอกสาเหตุสำคัญของปัญหามลภาวะเป็นพิษในปัจจุบันได้<br />เพื่อให้นักเรียนสามารถตั้งชื่อเรื่องจากบทความที่กำหนดให้อ่านได้<br /><strong>5.การสังเคราะห์</strong> ความสามารถในการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันแล้วเกิดเป็นสิ่งใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น เพื่อให้นักเรียนเขียนเรียงความได้ เพื่อให้นักเรียนวางแผนการจัดแสดงละครได้<br /><strong>6.การประเมินค่า</strong> ความสามารถในการตัดสินคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ หรือเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมีกฏเกณฑ์ เช่น เพื่อให้นักเรียนตัดสินความน่าเชื่อถือจากข่าวที่กำหนดให้อ่านได้ เพื่อให้นักเรียนเปรียบเทียบคุณภาพของอาหารจากการสังเกตการปฏิบัติการปรุงอาหารแต่ละครั้งได้<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;color:#ff0000;">พฤติกรรมด้านจิตพิสัย</span></strong> เป็นพฤติกรรมด้านจิตใจ อารมณ์ และความรู้สึกของนักเรียน เช่น ความสนใจ เจตคติ ค่านิยม ความก้าวร้าว การปรับตัว รวมถึงคุณธรรมต่าง ๆ ตัวอย่งจุดประสงค์ เช่น เพื่อให้นักเรียนสนุกสนาน เพลิดเพลินในวิชาศิลปะ เพื่อให้นักเรียนมีมรรยาทในการพูดต่อหน้าสาธารณะชน เพื่อให้นักเรียนมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์<br /><br /><span style="font-size:130%;color:#ff0000;"><strong><span style="color:#ff0000;">พฤติกรรมด้านทักษะพิสัย</span> </strong></span>เป็นความสามารถในการปฏิบัติสิ่งต่างๆ โดยใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายทำงานประสานกับประสาทสัมผัสได้อย่างคล่องแคล่ว เช่น เพื่อให้นักเรียนร้องเพลงได้ถูกตามทำนองและจังหวะ เพื่อให้นักเรียนตัดเย็บเสื้อตามแบบตัดได้ เพื่อให้นักเรียนอ่านทำนองเสนาะได้<br /><br />พฤติกรรมทางการศึกษาทั้ง 3 ด้าน มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน คือ ถ้าบุคคลมีความรู้ที่ถูกต้องก็จะทำให้ปฏิบัติกิจรรมได้อย่างถูกต้อง เมื่อปฏิบัติถูกต้อง ก็จะมีความรู้สึกที่ดี พึงพอใจในการปฏิบัติของตน คอยหาโอกาสที่จะปฏิบัติบ่อย ๆ จนเกิดความชำนาญ และความมีคุณธรรมจริยธรรมจะช่วยให้บุคคลนำความรู้ความสามารถไปใช้ในทางที่ถูกต้อง ดังนั้นการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน จึงต้องพัฒนาพฤติกรรมไปพร้อม ๆ กันทั้ง 3 ด้าน คือ พฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัย และด้านทักษะพิสัย และไม่ควรละเลยที่จะวัดพฤติกรรมด้านใดด้านหนึ่งไป เพราะผลการวัดจะช่วยตรวจสอบได้ว่านักเรียนมีพฤติกรรมทางการศึกษาด้านใดบกพร่องบ้าง หากครูจะได้ปรับกรุงแก้ไขให้นักเรียนมีพฤติกรรมทางการศึกษาที่สมบูรณ์ทั้ง 3 ด้านเพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-50053237557353832192008-11-18T00:18:00.000-08:002008-11-18T00:34:55.894-08:0009.จุดประสงค์ทีครูนำมาใช้ประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ต้องมีลักษณะอย่างไร ?จุดประสงค์ทีจะนำมาใช้ประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ต้องมีลักษณะเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม คือ เป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ระบุพฤติกรรมของผู้เรียนอย่างชัดเจนว่าจะต้องแสดงพฤติกรรมอะไร หรือสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยจะต้องเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมาให้ครูสามารถสังเกตได้ และวัดผลได้ ซึ่งจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมที่สมบูรณ์ ต้องมีส่วนประกอบครบ 3 ส่วน คือ <span style="color:#000099;">เงื่อนไข</span> เป็นข้อความที่บอกถึงสถานการณ์ที่จะกระตุ้นให้นักเรียนแสดงพฤติกรรมออกมา <span style="color:#000099;">พฤติกรรมที่คาดหวัง</span> <a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" style="POSITION: relative" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/ภาคเรียน2_51/หลักการวัด/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/P12/CH1P12_2.PPT" target="_parent"></a>เป็นข้อความที่ระบุถึงพฤติกรรมที่ ครูต้องการให้นักเรียนแสดงออกได้หลังจากจบเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งต้องเป็นพฤติกรรมที่ครูสามารถสังเกตได้ และวัดผลได้ และ <span style="color:#000099;">เกณฑ์ </span>เป็นข้อความที่บอกให้ทราบว่าผู้เรียนจะต้องแสดงพฤติกรรมได้อย่างน้อยเพียงใดจึงจะยอมรับว่าผู้เรียนเกิดพฤติกรรมตามที่ต้องการแล้ว<br /><br />เช่น <span style="color:#000099;">เงื่อนไข :</span> เมื่อกำหนดโจทย์ปัญหาการคูณให้ 10 ข้อ<br /><span style="color:#000099;">พฤติกรรมที่คาดหวัง :</span> นักเรียนแก้โจทย์ปัญหาการคูณได้<br /><span style="color:#000099;">เกณฑ์ :</span> ถูกต้องอย่างน้อยร้อยละ 80<br /><br /><span style="color:#000099;">เงื่อนไข :</span> เมื่อกำหนดอุปกรณ์การทำความสะอาดให้<br /><span style="color:#000099;">พฤติกรรมที่คาดหวัง :</span> น.ร.สามารถ ใช้ อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านได้<br /><span style="color:#000099;">เกณฑ์ :</span> ถูกต้องตามขั้นตอนเพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-15750113615741276982008-11-17T23:43:00.000-08:002008-11-18T00:10:55.833-08:0008.การวัดผลการศึกษาแบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง?<strong><span style="font-size:180%;">ถ้าแบ่งประเภทการวัดผลการศึกษาตามจุดประสงค์ของการประเมินแบ่งได้ 3 ประเภท คือ</span></strong><br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">1.การประเมินผลก่อนเรียน</span></strong> เป็นการประเมินผลก่อนเริ่มต้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อหาสารสนเทศของผู้เรียนเบื้องต้น ใน 2 ประเด็น ต่อไปนี้ 1. ความรู้ที่เป็นพื้นฐานของเรื่องใหม่ เพื่อนำผลการประเมินมาซ่อมเสริมให้นักเรียนทุกคนมีพื้นฐานก่อนเรียนเรื่องใหม่ ช่วยให้นักเรียนประสบผลสำเร็จในการเรียน เช่น ก่อนครูคณิตศาสตร์จะสอนเรื่องการคูณ ควรตรวจสอบความรู้พื้นฐานเรื่องการบวก 2. ความรอบรู้ในเรื่องใหม่ที่จะเรียน เพื่อนำผลมาใช้ในการวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะกับสภาพของผู้เรียน<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">2.การประเมินผลระหว่างเรียน</span></strong> เป็นการประเมินผลย่อยในระหว่างเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ ตามแผนการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในแต่ละหน่วยหรือไม่ หากพบว่ายังไม่ผ่านจะได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ผ่านก่อนเข้าสู่หน่วยต่อไป ช่วยให้นักเรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ผลที่ได้จากการประเมินนำไปใช้ในการ<br />ปรับปรุงข้อบกพร่อง และส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน และใช้ในการปรับปรุงข้อบกพร่องของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้<br /><br /><strong>3.การประเมินผลหลังเรียน</strong> เป็นการประเมินเมื่อสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อตัดสินความสำเร็จของผู้เรียน ว่ามีความรอบรู้ในเรื่องที่เรียนระดับใด ควรได้ระดับผลการเรียนเท่าใด หากนำผลการประเมินหลังเรียนไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรียนแล้วจะช่วยให้ทราบว่านักเรียนมีพัฒนาการขึ้นเพียงใด<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpQ7Ls9KVmDMDwyM2QBI9gJmG5YokPGfUpn35W_AvAetI2NvlHxQ9RXvN_0lyyROZvm_9PJEn-l7keql96m3zIpE1GGgg70VazpZgjWR1Gu13XiKpsdDhy7NGznLQJndoeeL5I3sDfUrU/s1600-h/Noname.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5269903148946113042" style="WIDTH: 330px; CURSOR: hand; HEIGHT: 189px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpQ7Ls9KVmDMDwyM2QBI9gJmG5YokPGfUpn35W_AvAetI2NvlHxQ9RXvN_0lyyROZvm_9PJEn-l7keql96m3zIpE1GGgg70VazpZgjWR1Gu13XiKpsdDhy7NGznLQJndoeeL5I3sDfUrU/s200/Noname.jpg" border="0" /></a><br /><br /><strong><span style="font-size:180%;">ถ้าแบ่งประเภทการวัดผลการศึกษาตามระบบของการประเมินแบ่งได้ 2 ประเภท คือ</span></strong><br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">1.การประเมินผลอิงกลุ่ม</span></strong> เป็นการประเมินที่เกิดจากพื้นฐานความเชื่อเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคลตามทฤษฎีการวัดแบบดั้งเดิม การแปลความหมายผลการวัดแบบอิงกลุ่มจึงนำคะแนนของนักเรียนแต่ละคนไปเปรียบเทียบกับคะแนนของคนอื่น ๆ ในกลุ่ม ผู้ที่ได้คะแนนสูงกว่าคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนับว่าเป็นคนเก่ง ส่วนผู้ที่ได้คะแนนต่ำกว่าคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนับว่าเป็นคนอ่อน ผลการวัดแบบอิงกลุ่มสามารถแปลความหมายได้ว่าบุคคลนั้น เก่ง ปานกลาง หรืออ่อน เมื่อเทียบกับความสามารถโดยภาพรวมของกลุ่ม แต่ไม่สามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าบุคคลนั้น บกพร่องในเนื้อหาหรือจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ใด ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมที่จะนำการวัดผลแบบอิงกลุ่มมาใช้เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน แต่เหมาะสมที่จะใช้วัดเพื่อจัดตำแหน่งผู้เรียนตามลำดับความสามารถ <br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">2.การประเมินผลอิงเกณฑ์</span></strong> เป็นการประเมินที่มีพื้นฐานความเชื่อมาจากทฤษฎีการเรียนเพื่อรอบรู้ ที่ว่าแม้บุคคลจะมีความแตกต่างกันก็สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เท่าเทียมกัน ถ้าสามารถจัดประสบการณ์และเวลาให้เหมาะสมกับลักษณะของแต่ละบุคคล จากแนวคิดดังกล่าวครูผู้สอนจึงมุ่งหวังที่จะให้ผู้เรียนทุกคนมีความรอบรู้ในเนื้อหาสาระที่จัดให้ การวัดผลที่จะชี้บ่งได้ว่านักเรียนรอบรู้หรือไม่ จึงต้องกำหนดเกณฑ์การผ่านสำหรับใช้บ่งชี้ความรอบรู้ของนักเรียนในแต่ละจุดประสงค์ หากนักเรียนผ่านจุดประสงค์ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้แสดงว่านักเรียนมีความรอบรู้ในจุดประสงค์นั้นแล้ว หากไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดแสดงว่ายังไม่รอบรู้จะต้องซ่อมเสริมแล้ววัดผลใหม่จนกว่าจะรอบรู้ ด้วยเหตุนี้การวัดผลแบบอิงเกณฑ์จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะใช้เพื่อการปรับปรุงการเรียนการสอนในระหว่างเรียน เพราะเมื่อครูได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้จบในแต่ละแผนการเรียนรู้แล้ว สามารถใช้การวัดผลประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ตรวจสอบได้ว่ามีนักเรียนคนใดบ้างที่ยังไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้เพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-30287203891774949292008-11-17T23:27:00.000-08:002012-01-14T02:28:45.345-08:0006.การวัดผลการศึกษาทำเพื่อจุดมุ่งหมายใดได้บ้าง ?<strong><span style="font-size: 130%;"><u>06.การวัดผลการศึกษาทำเพื่อจุดมุ่งหมายใดได้บ้าง ?</u></span></strong><br />
<br />
<strong><span style="font-size: 130%;">1.วัดผลเพื่อจัดตำแหน่ง</span></strong> เป็นการวัดผลเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีความสามารถอยู่ ณ ตำแหน่งใดเมื่อเทียบกับผู้สอบทั้งหมดในกลุ่ม เช่น ใครมีความสามารถเป็นอันดับ 1 2 3 หรือ 4 ของกลุ่ม โดยทั่วไป มักใช้ในการสอบแข่งขัน เช่น สอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อ สอบคัดเลือกเข้าทำงาน สอบชิงทุนการศึกษา หรืออาจใช้ในการสอบเพื่อแบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม เก่ง – อ่อน ตามความสามารถ เพื่อจะได้จัดกิจกรรมให้เหมะสมกับสภาพผู้เรียน<br />
<br />
<strong><span style="font-size: 130%;">2.วัดผลเพื่อเปรียบเทียบ</span></strong> เป็นการวัดผลเพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการของผู้เรียนว่า งอกงามขึ้นจากเดิมเพียงใด โดยเปรียบเทียบผลการวัดระหว่างผู้สอบคนเดียวกัน หรือกลุ่มเดียวกันในเวลาที่ต่างกัน เช่น นำผลการวัดก่อนเรียนกับหลังเรียนของนักเรียนคนเดียวกันมาเปรียบเทียบเพื่อดูว่านักเรียนเกิดการเรียนรู้จากการเรียนการสอนเพียงใด<br />
<br />
<strong><span style="font-size: 130%;">3.วัดผลเพื่อวินิจฉัย</span></strong> เป็นการวัดผลเพื่อค้นหาสาเหตุของความบกพร่องของผู้เรียน เพื่อครูจะได้หาทางช่วยเหลือหรือซ่อมเสริมได้ตรงจุด เช่น วัดผลเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมนักเรียนจึงอ่านหนังสือไม่ออก หรือวัดผลเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมนักเรียนจึงแก้ปัญหาโจทย์การคำนวณไม่ได้<br />
<br />
<strong><span style="font-size: 130%;">4.วัดผลเพื่อพยากรณ์</span></strong> เป็นการวัดผลเพื่อทำนายความสำเร็จในอนาคตของผู้เรียน เช่น นักเรียนจะเรียนต่อสาขานั้น ๆ ได้สำเร็จหรือไม่ หรือจะประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้หรือไม่ เครื่องมือวัดผลสำหรับใช้ในการพยากรณ์ความสำเร็จในอนาคตของผู้เรียน เช่น แบบทดสอบวัดความถนัดต่าง ๆ แบบทดสอบคัดเลือกเข้าเรียน หรือเข้าทำงานสาขาต่าง ๆ<br />
<br />
<strong><span style="font-size: 130%;">5.วัดผลเพื่อประเมินผล</span></strong> เป็นการวัดผลเพื่อนำผลไปใช้ตัดสินคุณภาพการศึกษาว่า ดี – ไม่ดี เหมาะสม – ไม่เหมาะสม เพียงใด เช่น วัดผลเพื่อตัดสินผลการเรียนของนักเรียนในแต่ละวิชา ว่า ผ่าน –ไม่ผ่าน หรือ ควรได้เกรด A B C D หรือ E ตัดสินคุณภาพการสอนของครู คุณภาพของหลักสูตร หรือ คุณภาพของสื่อการสอน ว่าเหมาะสมหรือไม่เพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-6997199530970060722008-11-14T01:08:00.000-08:002008-11-17T23:40:05.082-08:0007.การวัดผลการศึกษามีหลักในการดำเนินการวัดอย่างไร?<strong><span style="font-size:130%;">1. </span></strong><a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/p8/ch1p8_1.ppt" target="_parent"><strong><span style="font-size:130%;">กำหนดวัตถุประสงค์ของการวัดให้ชัดเจน</span></strong></a> ในการวัดผลแต่ละครั้งจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของ การวัดให้ชัดเจน ว่าจะ<a title="วัดผลอะไร" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/P8/ch1p8_1_1.ppt" target="_parent">วัดผลอะไร</a> เช่น ถ้าวัดความรู้จะวัดความรู้ในวิชาอะไร <a title="วัดผลใคร" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/P8/ch1p8_1_2.ppt" target="_parent">วัดผลใคร</a> ถ้าเป็นนักเรียน เป็นนักเรียนชั้นอะไร มีคุณสมบัติพิเศษอะไรหรือไม่ และ <a title="วัดผลไปทำไม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/P8/ch1p8_1_3.ppt" target="_parent">วัดผลไปทำไม</a> เช่น เพื่อนำผลการวัดไปใช้เพื่อจัดตำแหน่ง เพื่อเปรียบเทียบ เพื่อพยากรณ์ เพื่อวินิจฉัย หรือเพื่อประเมินผล การกำหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนจะช่วยให้การดำเนินการวัดผลตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ<br /><strong><span style="font-size:130%;">2. </span></strong><a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/p8/ch1p8_2.ppt" target="_parent"><strong><span style="font-size:130%;">วัดให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้</span></strong></a> ครูต้องมุ่งวัดผลการเรียนรู้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ในขั้นที่ 1 เพราะถ้าวัดไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ จะทำให้ผลการวัดไม่มีความหมาย หากนำผลการวัดไปใช้จะทำให้เกิดความผิดพลาดได้<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">3. </span></strong><a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/p8/ch1p8_3.ppt" target="_parent"><strong><span style="font-size:130%;">เลือกเครื่องมือให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์</span></strong></a> ครูจะต้องเลือกเครื่องมือวัดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เช่น วัตถุประสงค์ต้องการวัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัย จะต้องวัดโดยการให้นักเรียนปฏิบัติแล้วครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน หากวัตถุประสงค์ต้องการวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย จะต้องวัดโดยใช้แบบทดสอบ<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">4. </span></strong><a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/p8/ch1p8_4.ppt" target="_parent"><strong><span style="font-size:130%;">ใช้เครื่องมือวัดที่มีคุณภาพ</span></strong></a> เครื่องมือที่นำมาใช้ในการวัดผลต้องมีคุณภาพ เพื่อให้ได้ผลการวัดที่ถูกต้องแม่นยำ เชื่อถือได้มากที่สุด ดังนั้น ก่อนดำเนินการวัดผลครูควรตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือเสียก่อน หากพบว่าไม่มีคุณภาพจะต้องปรับปรุงให้มีคุณภาพเสียก่อน เช่น ก่อนใช้แบบทดสอบครูต้องตรวจสอบว่า ถามตรงเนื้อหาหรือไม่ คำถามชัดเจนหรือไม่ ยากง่ายเกินไปหรือไม่ ให้ผลการวัดคงที่หรือไม่ เป็นต้น<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">5. </span></strong><a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/p8/ch1p8_5.ppt" target="_parent"><strong><span style="font-size:130%;">ทำการวัดอย่างระมัดระวัง</span></strong></a> ในระหว่างดำเนินการวัดผลจะต้องดำเนินการวัดอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อน เช่น จัดสภาพห้องสอบให้เหมาะสม ชี้แจงวิธีการสอบให้ชัดเจน ไม่ปล่อยให้ผู้สอบลอกกัน โดยให้ผู้สอบทุกคนได้รับความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ลำเอียง<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">6. </span></strong><a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/p8/ch1p8_6.ppt" target="_parent"><strong><span style="font-size:130%;">แปลผลการวัดอย่างถูกต้อง</span></strong></a> เมื่อได้ผลการวัดมาแล้ว จะต้องนำไปแปลผลโดยคำนึงถึงความถูกต้อง ความสมเหตุสมผล และความยุติธรรม ผลการวัดที่ได้ จะออกมาเป็นคะแนนดิบ ซึ่งแปลความหมายโดยตรงไม่ได้ ต้องนำไปเทียบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสียก่อน เช่น นำไปเทียบกับคะแนนของคนอื่นในกลุ่ม หรือนำไปเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้<br /><br /><strong><span style="font-size:130%;">7. </span></strong><a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/p8/ch1p8_7.ppt" target="_parent"><strong><span style="font-size:130%;">ใช้ผลการวัดให้คุ้มค่า</span></strong></a><a title="อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม" onclick="window.event.cancelBubble=" href="file:///D:/งานของเพชราวดี/งานสอน/แผ่นใสnew/Power_Pointวิชาหลักการวัดปรับปรุงใหม่/หลักการวัดบทที่1/p8/ch1p8_7.ppt" target="_parent"> </a>ผลการวัดที่ได้จากการดำเนินการวัดที่ถูกต้อง เป็นผลการวัดที่มีคุณค่า ครูควรนำผลการวัดที่ได้มาใช้ให้คุ้มค่า นั่นคือ เมื่อครูนำผลการวัดมาใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ แล้ว ไม่ควรทิ้งหรือเก็บผลการวัดนั้นไว้เฉย ๆ เพราะ ยังมีประโยชน์ต่อด้านอื่น ๆ อีก เช่น หลังจากที่ครูนำผลการวัดมาใช้เพื่อตัดสินผลการเรียนของนักเรียนตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ตัดสินผลการสอนของครูเอง หรือนำมาใช้ตัดสินคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนได้เพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-21994712089541777832008-11-12T01:03:00.000-08:002008-11-17T23:39:31.785-08:0005.การวัดผลการศึกษามีลักษณะธรรมชาติอย่างไร ?<strong><span style="font-size:130%;">1.เป็นการวัดในสิ่งที่เป็นนามธรรม</span></strong> การวัดผลโดยทั่วไปมี 2 ลักษณะ คือ การวัดในสิ่งที่เป็นรูปธรรมซึ่งเป็นการวัดทางกายภาพ ที่สามารถมองเห็นและจับต้องสิ่งที่ต้องการวัดได้ สามารถวัดได้โดยตรง เช่น การวัดส่วนสูงคน การชั่งนำหนักผัก การวัดความยาวของผ้า ส่วนการวัดอีกลักษณะหนึ่ง คือ การวัดสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่ไม่สามารถมองเห็นและจับต้องสิ่งที่ต้องการวัดได้ ต้องอาศัยเครื่องมือกระตุ้นให้ผู้ถูกวัดแสดงพฤติกรรมที่ต้องการวัดออกมาให้สังเกตเห็นได้เสียก่อนจึงค่อยทำการวัด เช่น การวัดความรู้นักเรียน การวัดเชาวน์ปัญญา การวัดเจตคติ การวัดความสนใจ ซึ่งการวัดเหล่านี้เป็นสิ่งที่การศึกษาต้องการวัดทั้งสิ้น<br /><strong><span style="font-size:130%;">2. มีหน่วยวัดไม่คงที่</span></strong> หน่วยการวัดทางด้านนามธรรม คือ คะแนน ผลการวัดที่ได้จะเปลี่ยนไปตามเครื่องมือที่ใช้วัด 1 คะแนน ที่ได้ จากแบบทดสอบต่างฉบับกัน มีขนาดไม่เท่ากัน หรือแม้แต่ 1 คะแนน จากข้อสอบแต่ละข้อในฉบับเดียวกันยังมีขนาดไม่เท่ากัน เช่นนี้ เรียกว่าหน่วยวัดไม่คงที่ ต่างจากหน่วยการวัดด้านรูปธรรม เช่น เซนติเมตร เมตร กรัม กิโลกรัม มีหน่วยวัดเป็นมาตรฐานสากล ความยาว 1 เซนติเมตรของไม้บรรทัดทุกอันมีขนาดเท่ากัน เรียกว่ามีหน่วยวัดคงที่ เราจึงสามารถนำผลการวัดความยาวของสิ่งของที่ใช้ไม้บรรทัดคนละอันวัดมาเปรียบเทียบกันได้ แต่ไม่สามารถนำคะแนนจากการวัดโดยใช้แบบทดสอบคนละฉบับกันมาเปรียบเทียบกันได้ หากต้องการเปรียบเทียบกันต้องใช้วิธีการทางสถิติปรับหน่วยวัดให้มีขนาดเท่ากันเสียก่อน<br /><strong><span style="font-size:130%;">3.มีความคลาดเคลื่อนปนอยู่เสมอ</span></strong> ผลการวัดด้านนามธรรม มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการวัดทางด้านรูปธรรมและความคลาดเคลื่อนบางอย่างไม่สามารถขจัดให้หมดไปได้<br />- ความคลาดเคลื่อนที่ขจัดได้ เช่น ครูตรวจผิด คำชี้แจงไม่ชัดเจน พิมพ์ข้อสอบผิด ข้อสอบแนะคำตอบ ข้อสอบยาก นักเรียนลอกกัน ฯลฯ<br />- ความคลาดเคลื่อนที่ขจัดไม่ได้ เช่น ความวิตกกังวลของผู้สอบ สุขภาพของผู้สอบ ผู้สอบเดาคำตอบ สภาพอากาศร้อนหรือหนาวเกินไป ฯลฯ<br />การวัดทางการศึกษาต้องทำอย่างระมัดระวัง ขจัดความคลาดเคลื่อนในส่วนที่สามารถขจัดได้ให้หมดไป เพื่อให้ผลการวัดมีความคลาดเคลื่อนปนอยู่น้อยที่สุด<br /><span style="font-size:130%;"><strong>4.ไม่มีความสมบูรณ์ในตัว</strong></span> คือไม่สามารถวัดทั้งหมดของสิ่งที่ต้องการวัดได้ เราวัดได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น ต้องการวัดความรู้เกี่ยวกับการคูณเลขหลักเดียว ถ้าจะวัดให้ครบเนื้อหาทั้งหมด ต้องออกข้อสอบ ตั้งแต่ 0 x 0 0 x 1…9 x 8 จนถึง 9 x 9 รวมทั้งหมด 100 ข้อ ซึ่งนักเรียนไม่สามารถตอบคำถามจำนวนมากในเวลาจำกัดได้ นอกจากนั้นยังมีเนื้อหาอื่นที่จะต้องวัดอีก จึงต้องสุ่มคำถามที่สำคัญเพียงบางส่วนมาวัดเท่านั้น ดังนั้นนักเรียนที่สอบได้ 0 คะแนน จึงไม่ได้หมายความว่าไม่มีความรู้เลยและนักเรียนที่ได้คะแนนเต็มก็ไม่ได้หมายความว่าเขารู้เนื้อหาวิชานั้น ทั้งหมด 100 % ต่างจากผลการวัดทางด้านรูปธรรมที่มีความสมบูรณ์ในตัว คือ สามารถวัดทั้งหมดของสิ่งที่ต้องการวัดได้ เช่น ต้องการวัดความสูงของคน เราสามารถวัดความสูงได้ตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ ผลการวัดที่ได้จึงบอกถึงความสูงทั้งหมดของบุคคลนั้น<br /><strong><span style="font-size:130%;">5.เป็นงานสัมพันธ์</span></strong> เนื่องจากผลการวัดไม่มีความหมายในตัวเอง จึงต้องนำผลการวัดที่ได้ไปสัมพันธ์หรือเปรียบเทียบกับบางสิ่งเสียก่อนจึงจะมีความหมาย เช่น ด.ช.อ้น สอบได้ 25 คะแนน ยังไม่สามารถบอกได้ทันทีว่า เขามีความสามารถเพียงใด ต้องนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น เปรียบเทียบกับคะแนนเฉลี่ยของห้อง หรือเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ครูกำหนดไว้ ต่างจากการวัดด้านรูปธรรมที่เครื่องมือมีหน่วยวัดคงที่ เป็นมาตรฐานสากล ผลการวัดจึงมีความหมายในตัวเอง เมื่ออ่านผล ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่ามีขนาดหรือปริมาณใด เช่น ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน 1 กม. หรือซื้อผ้าตัดเสื้อยาว 1 เมตร ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่ามีขนาดเท่าใดเพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-48611950930592821052008-10-19T22:51:00.000-07:002008-11-17T23:39:13.167-08:0004.EvaluationกับAssessmentต่างกันอย่างไร ?การประเมินผล (Evaluation) เป็นการประเมินผลที่มุ่งนำผลการวัดเชิงปริมาณมาใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาตัดสินคุณภาพ แต่การประเมินผล(Assessment) เป็นการประเมินที่มุ่งเก็บรวบรวมข้อมูลสารสนเทศทั้งชิงปริมาณ และเชิงบรรยายอย่างเป็นระบบ แล้วนำข้อมูลสารสนเทศที่รวบรวมได้มาเรียบเรียงเให้เห็นคุณลักษณะที่แท้จริงทั้งจุดเด่นที่ควรพัฒนา และจุดด้อยที่ควรปรับปรุงแก้ไข<br /><br />ปัจจุบันนักการศึกษาเห็นว่าการนำผลการวัดเชิงปริมาณ(Measurement) มาใช้ประเมินเพียงเพื่อพิจารณาตัดสินเท่านั้น ทำให้โรงเรียนเปรียบเสมือนศาล ที่มีครูผู้ประเมินเป็นผู้พิพากษา มีนักเรียนผู้ถูกประเมินเป็นจำเลย ในสถานการณ์จริงนักเรียนไม่ใช่จำเลย ไม่ใช่ผู้ต้องคดี หรือผู้ต้องหา แต่เขาเป็นผู้ที่ต้องการพัฒนาให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ , 2544 , หน้า 2) ดังนั้น การประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนจึงไม่ควรมีความหมายแค่นำผลการวัดเชิงปริมาณที่ได้มาตัดสินว่าสอบได้ หรือสอบตก เรียนดี หรือเรียนไม่ดีเท่านั้น แต่ควรเป็นการประเมินที่นำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาศักยภาพของนักเรียน<br /><br />การประเมินผลการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน จึงไม่ควรใช้การประเมินผล(Evaluation) เพื่อตัดสินคุณภาพของผู้เรียนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความหมายรวมไปถึงการประเมินผล(Assessment) เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนด้วยเพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-24067834646932723002008-10-19T22:03:00.000-07:002008-11-17T23:38:54.142-08:0003.การประเมินผลทางเลือกใหม่คืออะไร?<strong><span style="font-size:130%;">การประเมินผลทางเลือกใหม่ (Alternative Assessment)</span></strong><br />เป็นการประเมินอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการใช้แบบทดสอบ เช่น นำการประเมินผลจากการปฏิบัติ (Performance Assessment) การประเมินสภาพจริง (Authentic Assessment) การประเมินแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment) ไปใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ควบคู่ ไปกับการใช้แบบทดสอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณ และเชิงบรรยายที่สะท้อนความสามารถที่แท้จริงของนักเรียนรอบด้าน<br /><br /><strong>การประเมินผลจากการปฏิบัติ (Performance Assessment)</strong><br /><strong></strong>เป็นการประเมินที่มุ่งให้นักเรียนปฏิบัติงานตามที่ครูมอบหมาย โดยเน้นที่การลงมือปฏิบัติ มากกว่าการ ตรวจสอบด้านความรู้<br /><strong></strong><br /><strong>การประเมินผลสภาพจริง (Authentic Assessment)</strong><br />เป็นการประเมินที่ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมภายใต้สถานการณ์ที่สอดคล้องกับชีวิติจริงโดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องพร้อมๆกับการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามสภาพจริง และใช้เครื่องมือและวิธีการวัดอย่างหลากหลาย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนความสามารถแท้จริงของนักเรียน<br /><br /><strong>การประเมินผลจากแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment)</strong><br />เป็นการประเมินจากหลักฐานการปฏิบัติงานของผู้เรียนที่เกิดจากการประเมินสภาพจริง โดยครูและผู้เรียนร่วมกันวางแผนจัดเก็บอย่างเป็นระบบเพื่อแสดงให้เห็นพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสามารถที่แท้จริงของนักเรียนเพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-5492001822964055772008-10-19T21:23:00.000-07:002015-08-01T19:35:31.179-07:0002.การประเมินผลคืออะไร ?<strong><span style="font-size: 130%;">การประเมินผล (Evaluation)</span></strong> <br />
<div>
<div>
หมายถึง <a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p4/ch1p4_1.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="อ่านคำอธิบายเพิ่มเติม">กระบวนการ</a>ในการ<a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p4/ch1p4_5.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="อ่านคำอธิบายเพิ่มเติม">ตัดสินคุณค่า</a> ให้กับสิ่งต่าง ๆ โดยนำ<a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p4/ch1p4_3.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="อ่านคำอธิบายเพิ่มเติม">ผลที่ได้จากการวัด</a>มาพิจารณาตัดสินเทียบกับ<a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p4/ch1p4_4.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="อ่านคำอธิบายเพิ่มเติม">เกณฑ์ที่ตั้ง</a>ไว้ว่ามี<a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p4/ch1p4_2.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="อ่านคำอธิบายเพิ่มเติม">คุณภาพ</a>ในระดับใด เช่น ดี พอใช้ ไม่ดี</div>
<div>
<span style="font-size: 78%;"></span><span style="font-size: 78%;"><br /></span><strong>ตัวอย่างการประเมินผลความสมส่วนของรูปร่าง</strong></div>
<div>
</div>
<div>
<strong></strong></div>
<br />
<div>
<strong>1.วัดส่วนสูง และชั่งน้ำหนัก </strong></div>
วัดส่วนสูงได้ 175 ซ.ม. ชั่งน้ำหนักได้ 75 ก.ก.<br />
<br />
<div>
</div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<div>
<strong>2.กำหนดเกณฑ์การประเมินความสมส่วนของรูปร่าง</strong></div>
<div>
เพศชาย ให้นำส่วนสูง-100 </div>
<div>
=น้ำหนักแสดงว่ามีรูปร่างสมส่วน<br />
< น้ำหนักแสดงว่าผอมเกินไป </div>
<div>
> น้ำหนักแสดงว่าอ้วนเกินไป </div>
<br />
<div>
<strong>3. นำผลการวัดที่ได้เทียบกับเกณฑ์การประเมินแล้วตัดสิน</strong></div>
<div>
175 -100 = 75 ตัดสินได้ว่า มีรูปร่างสมส่วน </div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<strong></strong><br />
<div>
<strong>ตัวอย่างการประเมินผลความรู้ของนักเรียน</strong></div>
<br />
<strong>1.วัดความรู้นักเรียน</strong><br />
ได้ 75 คะแนน<br />
<br />
<strong>2.กำหนดเกณฑ์การประเมินความรู้ให้เหมาะสม</strong><br />คะแนนเต็ม 100 คะแนน<br />ทำได้ 80% ขึ้นไป ผ่านดีมาก<br />ทำได้ 70-79 % ผ่านดี<br />ทำได้ 60-69 % ผ่าน<br />ทำต่ำกว่า 60 % ไม่ผ่าน <br />
<strong>3.นำผลการวัดความรู้ที่ได้ไปเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดแล้วตัดสิน</strong><br />
<strong></strong>นักเรียนทำได้ 82 คะแนน จาก100 คะแนน คิดเป็น 82 % ตัดสินได้ว่าผ่านระดับดี<br />
<br />
<br />
<br />
<div>
</div>
</div>
เพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-504547258311661255.post-20387773055321691042008-10-19T20:28:00.000-07:002015-08-01T19:33:59.516-07:0001.การวัดผลคืออะไร ?<strong>การวัดผล (Measurement)</strong><br />
หมายถึง <a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/P2/CH1P2_1.PPT" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="คำอธิบายเพิ่มเติม">กระบวนการ</a>ในการกำหนด<a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p2/ch1p2_2.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="คำอธิบายเพื่มเติม">ตัวเลข</a>แทนขนาดหรือปริมาณให้กับคุณลักษณะของ<a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p2/ch1p2_3.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="คำอธิบายเพิ่มเติม">สิ่งที่ต้องการวัด</a><a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p2/ch1p2_3.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="คำอธิบายเพิ่มเติม"> </a>โดยใช้<a href="file:///D:/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B95%E0%B8%9B%E0%B8%B5/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/p2/ch1p2_4.ppt" onclick="window.event.cancelBubble=" target="_parent" title="คำอธิบายเพิ่มเติม">เครื่องมือวัด</a>ที่เหมาะสม<br />
<br />
<strong>ตัวอย่างการวัดผล</strong> เช่น<br />
<br />
<br />
<br />
วัดความสูงนักเรียนด้วยที่วัดส่วนสูงได้ขนาดความสูงของนักเรียนเท่ากับ 175 เซ็นติเมตร<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
วัดน้ำหนักของนักเรียนด้วยเครื่องชั่งนำหนักได้ขนาดนำหนักเท่ากับ 75 กิโลกรัม<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
วัดความรู้นักเรียนโดยใช้แบบทดสอบได้ขนาดความรู้ของนักเรียนเท่ากับ 82 คะแนนเพชราวดีhttp://www.blogger.com/profile/17044056119576668438noreply@blogger.com3